การปลูกพืชไร่
ข้าว ( Rice )
ข้าวเป็นพื้นเศรษฐกิจชนิดหนึ่งที่ทำรายได้ให้แก่ประเทศไทยเป็นอันมาก อีกทั้งยังเป็นอาหารหลักของคนไทย การปลูกข้าวหรือการทำนามีทั่วทุกภาค ประเทศไทยมีภูมิภาคและดินฟ้าอากาศที่เหมาะสมต่อการปลูกข้าว ดังนั้นเกษตรกรส่วนใหญ่จึงมีอาชีพทำนา
สำหรับบริเวณที่มีการปลูกข้าวมากหรือที่เรียกว่าอู่ข้าวอู่น้ำมักอยู่ทางภาคกลางของประเทศ
ลักษณะโดยทั่วไป
ข้าวเป็นธัญพืชที่อยู่ในตระกูล Cramineae มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Oryza
sativa, L . ข้าวเป็นพืชเมืองร้อน สามารถปลูกขึ้นได้ดีในแถบที่มีอากาศร้อนและฝนตกชุก
การทำนา
มี
2 แบบคือ
( 1 ) การทำนาหว่าน
เป็นวิธีปลูกข้าวโดยเอาเมล็ดพันธ์ข้าวหว่านลงไปในนาที่เตรียมดินไว้ดีแล้ว โดยไม่ต้องตกกล้า
( 2 ) การทำนาดำ เป็นวิธีปลูกข้าวที่แบ่งการปลูกออกเป็น 2
ขั้นตอนคือ
ขั้นตอนการตกกล้า
และขั้นตอนการถอนกล้าไปปักดำ
ซึ่งเป็นวิธีการที่เกษตรกรทำนาส่วนมากใช้กันอยู่
ดังนั้นรายละเอียดของเรื่องนี้จะกล่าวเพียงการทำนาดำเท่านั้น
พันธุ์ข้าวที่ใช้
แบ่งออกเป็น
2 พวกคือ
( 1 ) พันธุ์ข้าวที่ไม่ไวต่อช่วงแสง ได้แก่พันธุ์ข้าวที่สามารถปลูกได้ทุกฤดูกาล
มีการเก็บเกี่ยวตามอายุของการเจริญเติบโต
ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ข้าวลูกผสมซึ่งกรมวิชาการเกษตรผสมพันธุ์ขึ้นมาใหญ่ เช่น
พันธุ์ข้าว กข.1 , กข.2 ,กข.3 , กข.4
, กข.5 , กข.7 , กข.9
, กข.11 , กข.21 , กข.23
, กข.25 เป็นต้น ( กข.
ย่อมาจาก กรมการข้าว ถ้าเป็เลขคี่เป็นข้าวเจ้า
ถ้าเป็นเลขคู่เป็นข้าวเหนียว )
( 2 ) พันธุ์ข้าวที่ไวต่อช่วงแสง ได้แก่พันธุ์ข้าวที่ปลูกเฉพาะฤดูนาปี เก็บเกี่ยวผลผลิตตามฤดูกาล เช่น พันธุ์ข้าวเหลืองประทิว 123 , นาพญา 132 และเหนียวสันป่าตอง เป็นต้น
แบ่งออกเป็น
5 ขั้นตอนคือ
( 1 ) การเตรียมเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อตกกล้า
-
เมล็ดพันธุ์ข้าวที่เอามาทำพันธุ์เพื่อใช้ตกกล้าต้องเป็นเมล็ดที่สมบูรณ์และมีการงอกดี ปราศจากเชื้อโรคและแมลงรบกวน
การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ดีทำได้โดยเอาเมล็ดพันธุ์ใส่ลงไปในน้ำเกลือที่มีความถ่วงจำเพาะ
1.08 คนให้ทั่ว คัดเมล็ดที่ไม่สมบูรณ์ซึ่งจะลอยน้ำทิ้ง แล้วตักเอาเมล็ดดีที่จมน้ำไปล้างน้ำสะอาดสัก 3-4
น้ำ
-
จากนั้นก็นำเมล็ดพันธุ์ข้าวมาใส่ถุงหรือใช้ผ้าห่อ แล้วนำไปแช่น้ำสะอาด 12-24 ชั่วโมง
รุ่งขึ้นนำถุงหรือห่อเมล็ดพันธุ์ข้าวดังกล่าวไปวางในที่ร่มบนกระสอบหรือใบตอง
เอากระสอบชุบน้ำปิดด้านบนทิ้งไว้อีก 36-48 ชั่วโมง
เมล็ดข้าวจะงอกรากยาวไม่เกิน 0.5 เซนติเมตร
ซึ่งวิธีดังกล่าวเรียกว่าการหุ้มข้าวเป็นเมล็ดพันธุ์ข้าวพร้อมที่จะนำไปตกกล้าได้
( 2 ) การเตรียมแปลงตกกล้า
-
ควรเลือกบริเวณแปลงนาที่มีความอุดมสมบูรณ์พอควร อยู่ใกล้แหล่งน้ำและสามารถควบคุมปริมาณน้ำได้
-
การเตรียมดินในแปลงตกกล้า
ควรไถและคราดด้วยความประณีต
เก็บเศษวัชพืชต่างๆ ให้หมดหลังจากนั้นให้ยกเป็นแปลงย่อยๆ กว้างประมาณ 1.5-2.0 เมตร ยาวตามความสะดวกของแต่ละพื้นที่ ทำร่องน้ำระหว่างแปลงกว้าง 50 เซนติเมตร ลึกประมาณ 10-15 เซนติเมตร สามารถระบายน้ำได้
-
เมื่อยกแปลงแล้ว
ใช้ไม้ปาดลูบเทือกหลังแปลงให้เรีบบ
ระบายน้ำออกให้หลังแปลงสูงกว่าระดับน้ำเล็กน้อย
( 3 ) การใส่ปุ๋ยแปลงตกกล้า
หลังจากเตรียมแปลงตกค้างแล้ว
ให้หว่านปุ๋ยซุปเปอร์ฟอสเฟต ( 20 % P2 O5 ) ในอัตรา 400 กรัม ต่อตารางเมตร โดยใส่ก่อนหว่านกล้า 1 วัน
สำหรับในแปลงที่ดนมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
ให้ใส่ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต ( 20 % N ) 10
กรัมต่อเนื้อหาที่ 1 ตารางเมตร ลงไปด้วย หรืออาจใส่ปุ๋ยสูตร 16-20-0
, 18-22-0 หรือ 20-20-0
สูตรใดสูตรหนึ่งอย่างเดียวในอัตรา 20-30 กรัมต่อเนื้อที่ 1ตารางเมตรหลังจากหว่านปุ๋ยลงไปให้ทั่วแล้วใช้มือลูบปุ๋ยให้ลงไปในดิน
วันต่อมาจึงงนำเมล็ดพันธุ์ข้าวที่หุ้มจนงอกพอเหมาะแล้วมาหว่าน
( 4 ) การหว่านกล้า
หว่านเมล็ดข้าวงอกที่เพาะไว้ให้กระจายสม่ำเสมอทั่วแปลง
การหว่านกล้าที่หนาแน่นเกินไปทำให้ได้ต้นกล้าที่อ่อนแอ ข้าวเปลือก 5 กิโลกรัม จะตกกล้าได้ในเนื้อที่ 100
ตารางเมตร
กล้าข้าวในเนื้อที่ตกกล้า 100 ตารางเมตรนี้จะนำปักดำในนาได้เนื้อที่
1 ไร่ ในขณะที่หว่านกล้า
ดินในแปลงตกกล้ามีความชุ่มชื้นพอเพียง
หลังจากรากจับดินดีแล้ว จึงค่อยๆ
ระบายน้ำเข้าแปลง เมื่อต้นข้าวโตเต็มที่ควรมีน้ำในแปลงประมาณ
5 เซนติเมตร
อย่าให้แปลงตกกล้าขาดน้ำ จะทำให้ต้นกล้าผอมสูงและอ่อนแอ
( 5 ) การถอนต้นกล้า
เมื่อต้นกล้ามีใบ
5-7 ใบ หรือประมาณ 25-30 วัน
หลังจากหว่านเป็นระยะที่เหมาะสำหรับถอนไปปักดำได้
เพราะเป็นระยะที่ต้นข้าวพร้อมที่จะแตกกอไม่ควรปล่อยให้ต้นกล้ามีอายุเกิน 30
วัน เพราะต้นกล้าจะย่างปล้อง
ทำให้แตกกอน้อย การถอนควรทำด้วยความระมัดระวัง เมื่อถอนต้นกล้าได้ 1
กำ ควรแกว่งในน้ำให้ดินหรือโคลนที่จับอยู่รากหลุดไป แล้วให้มัดเป็นกำ ๆ เพื่อสะดวกต่อการนำไปปักดำ
การปักดำ
แบ่งออกได้เป็น 2 ขั้นตอนคือ
( 1
) การเตรียมดินแปลงปักดำ
ให้ไถและหมักหญ้าให้เน่าเปื่อยผุพังเสียก่อน
ควรหมักทิ้งไว้ประมาณ 3 สัปดาห์
จากนั้นจึงคราดและทำเทือกอย่างประณีต
ถ้ายังมีหญ้าหรือวัชพืชอื่นๆหลงเหลืออยู่ต้องเก็บออกให้หมด
( 2 ) การปักดำ
หลังจากเตรียมแปลงปักดำดีแล้ว
ให้นำต้นกล้าที่ถอนไว้มาปักดำ
โดยปักดำจับละ 3-5 ต้น ปักดำให้เป็นแถวเป็นแนว
ใช้ระยะระหว่างต้นและระยะระหว่างแถวห่างกันประมาณ 20-25 เซนติเมตร
ทั้งนี้แล้วแต่ความอุดมสมบูรณ์ของดิน
และพันธุ์ข้าวด้วย
ถ้าเป็นข้าวต้นเตี้ยควรปักดำถี่หน่อย ถ้าเป็นข้าวต้นสูงก็ควรปักดำห่างหน่อย
การใส่ปุ๋ย
การใส่ปุ๋ยให้แบ่งใส่ 2 ครั้ง
ครั้งแรกใส่ปุ๋ยรองพื้นก่อนปักดำ 1 วัน โดยใช้ปุ๋ยสูตร 16-20-0 หรือ
18-22-0 หรือ 20-20-0 เลือกเอาสูตรใดสูตรหนึ่งก็ได้ ใส่ในอัตรา 20 กิโลกรัมต่อไร่ ครั้งที่สองใส่ปุ๋ยแต่งหน้าประมาณ 30-40
วัน ก่อนข้าวออกดอก
หรือระยะข้าวตั้งท้องโดยใส่ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต จำนวน 12-20 กิโลกรัมต่อไร่
หรือปุ๋ยยูเรีย ( 45 % N ) จำนวน 6-10 กิโลกรัมต่อไร่
อย่างใดอย่างหนึ่ง
การให้น้ำ
ปกติในระยะที่ปักดำใหม่ๆ
ระดับน้ำควรสูงประมาณ 5-10 เซนติเมตร
สำหรับข้าวประเภทต้นเตี้ย
ถ้าเป็นข้าวประเภทต้นสูงก็อาจจะเพิ่มระดับน้ำเป็น 20-30 เซนติเมตร และควรรักษาระดับน้ำให้อยู่ในระดับนี้ตลอดไป
จนกระทั่งเมื่อข้าวออกดอกสร้างเมล็ด
พยายามรักษาน้ำอย่าให้ต้นข้าวขาดน้ำและหลังจากข้าวออกดอกประมาณ 20 วัน ควรระบายน้ำออกให้หมดปล่อยให้ต้นแห้งเพื่อสะดวกในการเก็บเกี่ยว ทำให้ต้นข้าวสุกพร้อมกัน
การกำจัดวัชพืช
การเตรียมดินในแปลงปักดำอย่างดีจะช่วยลดปริมาณวัชพืชได้มาก แต่อย่างไรก็ตามหลังจากปักดำแล้ว
ถ้ามีวัชพืชขึ้นต้องรีบกำจัด
การกำจัดโดยการถอนควรทำอย่างน้อย 2 ครั้ง ครั้งแรกหลังจากปักดำแล้ว 15-20 วัน
ครั้งที่สองหลังจากครั้งแรก 15-20 วัน
หรือก่อนหว่านปุ๋ยแต่งหน้า
ไม่ควรกำจัดวัชพืชหลังจากที่ข้าวออกรวงแล้ว
การเก็บเกี่ยว
ควรเก็บเกี่ยวเมื่อรวงข้าวมีสีพลับพลึง
( คือมีสีเหลืองมากกว่าสีเขียว ) เพราะจะทำให้ได้ข้าวที่มีคุณภาพดีที่สุด
การเก็บเกี่ยวอาจใช้เครื่องจักรหรือเคียวก็ได้แล้วแต่ความสะดวกของชาวนาเอง
หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ส่วนมากจะตากข้าวไว้บนตอซังประมาณ
2-3 แดดก่อนแล้วจึงนวดในนาหรือขนไปนวดที่ลานนวดข้าวก็ได้
แล้วแต่ความนิยมของแต่ละท้องถิ่น เมื่อนวดเสร็จก็ตากข้าวไว้บนลานข้าวประมาณ
3 แดด หรือตากไว้จนเมล็ดข้าวแห้งดีแล้วจึงฝัด
เพื่อแยกเอาเศษฟางหรือสิ่งเจือปนออกจากเมล็ดข้าว
จากนั้นจึงนำข้าวเปลือกเข้าไปไว้ในยุ้งฉางเพื่อรอการจำหน่ายต่อไป
โรคของข้าว
ที่สำคัญ ๆ
ในประเทศไทยแบ่งตามสาเหตุที่ทำให้เกิดได้ 3 พวกคือ
( 1
) โรคที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบไหม้ , โรคใบสีน้ำตาล
ฯลฯ
( 2
) โรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคขอบใบแห้ง , โรคใบขีดโปร่งแสง ฯลฯ
( 3
) โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส เช่น โรคใบสีส้ม โรคใบหงิก ฯลฯ
การป้องกันกำจัดให้ได้ผลนั้น เกษตรกรควรเลือกใช้พันธุ์ข้าวที่มีความต้านทานต่อโรคและหมั่นตรวจดูนาข้าวเสมอ ถ้าพบให้รีบพ่นยากำจัดทันที เพื่อป้องกันไม่ให้โรคนั้น ๆ
ระบาดแพร่ขยายออกไป
แมลงศัตรูข้าว
ในระยะเป็นกล้าแมลงที่สำคัญได้แก่ เพลี้ยไฟ , หนอนกระทู้กล้า , หนอนกอ
ในระยะแตกกอแมลงที่สำคัญได้แก่
เพลี้ยจักจั่น , เพลี้ยแป้ง , หนอนกอ
ในระยะออกรวงแมลงที่สำคัญได้แก่
หนอนกระทู้คอรวง
ซึ่งจะเห็นว่าแมลงศัตรูของข้าวนั้นจะเริ่มมีตั้งแต่ระยะกล้าจนกระทั่งออกรวงถ้าพบให้รีบดำเนินการป้องกันกำจัดโดยใช้ยาโรแทน
50 ( Rhothane 50 ) หรือเซวิดอล ( Sevid0l ) เป็นต้น
อ้างอิง อุดม โกสัยสุก วท.บ. ( เกษตรศาสตร์ )
สาระดี
ตอบลบดีมากอ่ะ
ลบได้ความรู้มากๆเลย
ตอบลบได้ความรู้เรื่องข้าวเลยทีเดียว
ตอบลบแน่นอนความรู้ล้วน
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบข้าวที่เรากินทุกวัน
ตอบลบได้ความรู้มากค่ะ
ตอบลบเนื้อหาดี มีประโยชน์
ตอบลบเนื้อหาดี มีประโยชน์
ตอบลบ